เกย์ลอร์ด โอ๊คส์ (แอนโธนี ฮอปกินส์) และ เควิน โพป (คริส ร็อค) เป็นคู่หูเจ้าหน้าที่ CIA มือฉมัง ที่ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจยับยั้งไม่ให้อาวุธนิวเคลียร์ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มผู้ก่อการร้าย เควินถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมก่อนที่ภารกิจจะสำเร็จลุล่วง โอ๊คส์จึงต้องหาทางหาตัวเจค น้องชายฝาแฝดของเควินที่พลัดพรากกันไปตั้งแต่เด็กมาแทนที่

**เนื้อเรื่อง**

เจค (คริส ร็อค) เป็นหนุ่มหัวขบถที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างยากจนและไร้ระเบียบในนิวยอร์ก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองมีพี่ชายฝาแฝดจนกระทั่งโอ๊คส์มาหาเขาและขอให้เขาช่วยภารกิจของ CIA เจคปฏิเสธในตอนแรก แต่เขาก็เปลี่ยนใจเมื่อโอ๊คส์ขู่ว่าจะจับแฟนสาวของเขาไป

โอ๊คส์พาเจคไปฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในการเป็นเจ้าหน้าที่ CIA ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เจคต้องเรียนรู้วิธีการปลอมตัว ยิงปืน และต่อสู้ด้วยมือเปล่า เขายังต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และนิสัยหัวขบถของตัวเอง

เจคและโอ๊คส์เดินทางไปยังกรุงปรากเพื่อพบกับอาดริค วาส (ปีเตอร์ สตอร์มาร์) พ่อค้าอาวุธชาวรัสเซียที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการขายอาวุธนิวเคลียร์ เจคต้องทำหน้าที่เป็นเควินเพื่อโน้มน้าวให้วาสขายอาวุธให้ CIA

**สรุป**

เจคสามารถหลอกให้วาสเชื่อได้ว่าเขาคือเควิน แต่ทว่าภารกิจกลับล้มเหลวเมื่อวาสจับได้ว่าเจคเป็นใคร เขาจึงพยายามฆ่าเจคและโอ๊คส์ เจคและโอ๊คส์สามารถเอาตัวรอดได้และจับวาสได้ในที่สุด

เจคตระหนักว่าเขาต้องการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายและเป็นประโยชน์ต่อสังคม เขาจึงตัดสินใจที่จะสมัครเป็นเจ้าหน้าที่ CIA เต็มตัว เจคและโอ๊คส์กลายเป็นคู่หูที่ทำงานร่วมกันอย่างประสบความสำเร็จ

**ประเด็นสำคัญ**

• ความสัมพันธ์ระหว่างเจคและโอ๊คส์
• ความแตกต่างระหว่างเจคและเควิน
• ประเด็นเรื่องความดีและความชั่ว

Bad Company เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นคอมเมดี้ที่สนุกสนานและน่าติดตาม คริส ร็อคแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมในบทบาทของเจค เขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้อย่างหลากหลาย ทั้งความตลก ความเศร้า ความโกรธ และความรัก แอนโธนี ฮอปกินส์ก็แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน เขาสามารถถ่ายทอดความเข้มแข็งและความอ่อนโยนของตัวละครโอ๊คส์ได้อย่างสมจริง

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการผสมผสานระหว่างแอ็คชั่น คอมเมดี้ และดราม่าได้อย่างลงตัว ฉากแอ็คชั่นมีความตื่นเต้นเร้าใจ มุกตลกช่วยให้ภาพยนตร์มีความสนุกสนานและไม่น่าเบื่อ ส่วนประเด็นเรื่องความดีและความชั่วก็ทำให้ภาพยนตร์มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น

โดยรวมแล้ว Bad Company เป็นภาพยนตร์ที่คุ้มค่าแก่การดู เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอ็คชั่น คอมเมดี้ และดราม่า